วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

บทที่ 10 กฎหทายและความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต

เรื่อง  กฏหมายและความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต
                ในโลกยุคปัจจุบัน คือ สังคมของสารสนเทศซึ่งสามารถสื่อสารข้อมูลข่าวสารได้อย่างอิสระโดยมีระบบเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีมีการพัฒนาแบบไม่หยุดยั้ง  ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องมีกฏหมายมารองรับในการดำเนินงานด้านธุรกรรมต่าง ๆ  เพื่อความถูกต้อง  เช่น
  1. กฏหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ
ได้มีการยกร่างกฏหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ ทั้งหมด  6  ฉบับ  คือ
1.    กฏหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์  (Electronic  Transactions Law)
2.    กฏหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์  (Electronic  Signatures Law)
3.    กฏหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์  (Computer  Crime Law)
4.    กฏหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์  (Electronic  Fund  Transfer Law)
5.    กฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล  (Data  Protection Law)
6.    กฏหมายลำดับรองของรัฐธรรมนูญ มาตรา  78  ว่าด้วยการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกัน  (Universal  Access Law)
มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ 
ได้จัดแบ่งออกเป็น  4 ประเภท  คือ 
1.    มาตรการด้านเทคโนโลยี
2.    มาตรการด้านกฏหมาย
3.    มาตรการด้านความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
4.    มาตรการทางสังคม

ภัยร้ายบนอินเตอร์เน็ต
ภัยร้ายบนอินเตอร์เน็ตที่จัดอยู่ในแบบของการล่อล่วง โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประกอบด้วย (http:ictlaw.thaigov.net/ictlaws.html)  เช่น
โปรแกรมรหัสลับ  (Encryption  Software)
 โปรแกรมนี้จะล็อกแฟ้มข้อมูลหรือข้อความไว้  เพื่อให้เปิดได้เฉพาะในหมู่ผู้ใช้ที่มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดเดียวกัน หรือมี “รหัสผ่าน” หรือ “Password”  ที่ใช้เปิดแฟ้มนี้  อาจเป็นชุดตัวเลขที่ตั้งขึ้นมาแบบสุ่ม โปรแกรมชนิดนี้โดยทั่วไปนิยมใช้กันในเครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ
                                โปรแกรมแปลงภาพและแต่งภาพ

เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ก่อให้เกิดสื่อด้านลามกขึ้นมากมายเพราะมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับใช้ในการตกแต่งภาพและแปลงภาพในรูปแบบต่าง ๆ

               อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
                               คือ  ไวรัสคอมพิวเตอร์  ซึ่งส่วนมากจะถูกเผยแพร่มาจากระบบเครื่อข่ายอินเตอร์เน็ตที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน  อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ที่สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ  10  อันดับ  ได้แก่
1.    การทำให้ระบบไม่สามารถให้บริการได้
2.    การขโมยข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต  โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นความลับต่าง ๆ
3.    การโจมตีระบบจากคนภายในองค์กร
4.    การโจมตีระบบเครื่องข่ายไร้สาย
5.    การฉ้อโกงเงิน  โดยใช้คอมพิวเตอร์แอบโอนเงินจากบัญชีผู้อื่นเข้าบัยชีตนเอง
6.    การถูกขโมยคอมพิวเตอร์  N0tebook
7.    การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต
8.    การฉ้อโกงด้านโทรคมนาคม
9.    การใช้เว็บแอพพลิเคชั่นด้านสาธารณะในทางที่ผิด  โดยใช้คอมพิวเตอร์ แพร่ภาพ  เสียง  ลามก อนาจาร
และข้อมูลไม่เหมาะสม
10.                       การเปลี่ยนโฉมเว็บไซต์  โดยไม่ได้รับอนุญาต
บัญญัติ  10  ประการ  ด้านความปลอดภัยของอินเตอร์เน็ต 

1.    ตั้งรหัสผ่านที่ยากแก่การเดา
2.    เปลี่ยนรหัสผ่านสม่ำเสมอ เช่น ทุก 3 เดือน
3.    ปรับปรุงโปรแกรมป้องกันไวรัสตลอดเวลา
4.    ให้ความรู้แก่บุคลากรในเรื่องความปลอดภัยในการรับไฟล์  หรือการดาวน์โหลดไฟล์จากอินเตอร์เน็ต
5.    ติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับเครื่อข่ายอย่างสมบูรณ์
6.    ประเมินสถานการณ์ของความปลอดภัยในเครื่อข่ายอย่างสม่ำเสมอ
7.    ลบรหัสผ่าน และบัญชีการใช้ของพนักงานที่ออกจากหน่วยงานทันที
8.    วางระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับการเข้าถึงระบบของพนักงานจากภายนองหน่วยงาน
9.    ปรับปรุงซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
10.           ไม่ใช้การบริการบางตัวบนเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ตอย่างไม่จำเป็น
วิธีการประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ 
1.    Data  Diddling  คือ  การเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
2.    Trojan Horse  คือ  การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แฝงไว้ในโปรแกรมที่มีประโยชน์
3.    Salami Techniques  คือ  วิธีการปัดเศษจำนวนเงิน
4.    Superzapping    เปรียบเสมือนเป็นกุญแจผี
5.    Trap Doors   เป็นการเขียนโปรแกรมที่เลียนแบบคล้ายหน้าจอปกติของระบบคอมพิวเตอร์เพื่อล่วงผู้ที่มาใช้คอมพิวเตอร์
6.    Logic Bombs   เป็นการเขียนโปรแกรมคำสั่งอย่างมีเงื่อนไขไว้
7.    Asynchronous Attack   คือ  สามรถทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน โดยการประมวลผลข้อมูลเหล่านั้นจะเสร็จไม่พร้อมกัน
8.    Scavenging   คือ  วิธีการที่จะได้ข้อมูลที่ทิ้งไว้ในระบบคอมพิวเตอร์
9.    Data   Leakage  คือ   การทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไป  อาจโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
10.           Piggybacking  วิธีการนี้สามรถทำได้ทั้งทางกายภาพ  (Physical)
11.           Impersonation   คือ  การที่คนร้ายแกล้งปลอมเป็นบุคคลอื่นที่มีอำนาจ  หรือได้รับอนุญาต
12.           Wiretapping   เป็นการลักลอบดักฟังสัญญาณการสื่อสารโดยเจตนาที่จะได้รับประโยชน์
13.           Simulation and Modeling   เป็นเครื่องมือในการวางแผนการควบคุมและติดตามความเคลื่อนไหวในการประกอบอาชญากรรม
ประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
                สามารถแบ่งประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้   5  ประเภท   คือ
1.    พวกมือใหม่หรือมือสมัครเล่น  อยากทดลองความรู้  และส่วนใหญ่จะมิใช่ผู้ที่เป็นอาชญากรโดยนิสัย มิได้ดำรงชีพโดยการกระทำผิด
2.    นักเจาะข้อมูล (Hacker) ผู้ที่ชอบเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
3.    อาชญากรในรูปแบบเดิมที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ
4.    อาชญากรมืออาชีพ  คนพวกนี้จะดำรงชีพจากการกระทำความผิด
5.    พวกหัวรุนแรงคลั่งอุดมการณ์หรือลัทธิ

 แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 10

1. คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการกฏหมายเทคโนโลยีเมื่อวันที่
       ก. ธันวาคม 2540
       ข. 15 ธันวาคม 2541
       ค. 20 ธันวาคม 2542
       ง.  25 ธันวาคม 2543

2. การยกร่างกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ มีกี่ฉบับ
       ก. 4 ฉบับ
       ข. 5 ฉบับ
       ค. 6 ฉบับ
       ง. 7 ฉบับ

3. ข้อใดไม่ใช่กฏหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ 
       ก. กฎหมายธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
       ข. กฏหมายลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์
       ค. กฏหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร์
       ง. กฏหมายการคัดลอกข้อมูล

4. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
       ก. 1 ประเภท
       ข. 2 ประเภท
       ค. 3 ประเภท
       ง. 4 ประเภท

5. พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม เมื่อ ปี พ.ศ.ใด
       ก. 2542
       ข. 2543
       ค. 2544
       ง. 2545

6. ข้อใดคือความหมายของ Hacker
       ก. กลุ่มบุคคลที่จัดอยู่ในพวก Cracker
       ข. ผู้ทีมีความสนใจด้านคอมพิวเตอร์ที่ลึกลงไปในส่วนของระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
       ค. บุคคลที่บุกรุกเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นเพื่อทำลายข้อมูลที่สำคัญ
       ง. เป็นรูปแบบการโจมตีที่ง่ายที่สุด

7. ข้อใดคือความหมายของ Data Diddling
       ก. การเปลี่ยนแปลงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
       ข. การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แฝงไว้ในโปรแกรมที่มีประโยชน์
       ค. เป็นการเขียนโปรแกรมที่เลียนแบบคล้ายหน้าจอปกติของระบบ
       ง. เป็นการเขียนโปรแกรมคำสั่งอย่างมีเงื่อนไข

8. ข้อใดไม่ใช่อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
       ก. Editor
       ข. Hacker
       ค. Cracker
       ง. Phoneker

9. ประเภทของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์มีกี่ประเภท
       ก. 3 ประเภท
       ข. 4 ประเภท
       ค. ประเภท
       ง. 6 ประเภท

10. ใครเป็นผู้คิดค้นโปรแกรมคอมพิวเตอร์
       ก. นาย Gener  Scrips
       ข. นาย Fred  Cohen
       ค. นาย Buffer  Overflow
       ง. นาย Jons  Boot

บทที่ 9 การสนทนาออนไลน์

การสนทนาออนไลน์
แนวคิด                 
         การสื่อสารบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต นอกจากในรูปของการับ-ส่งอีเมลแล้ว ยังมีรูปแบบการสื่อสาร อีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่า การสนทนาออนไลน์ ซึ่งทั้งสองรูปแบบการสื่อสารที่แตกต่างกันโดยรูปแบบการสนทนาออนไลน์จะเป็นการสื่อสารที่ทำให้คู่สนทนาสามารถโต้ตอบได้ทันที ซึ่งมีทั้งการสนทนาระหว่างคนสองคน หรือจะเป็นกตาสนทนาแบบพูดคุยกันภายในกลุ่มก็ได้ สามารถสื่อสารกันได้ทั้งรูปแบบของข้อความ ภาพ และเสียง
รูปแบบการสนทนาออนไลน์ (Chat)
        การสนทนาออนไลน์จะมีหลายรูปแบบ โดยแบ่งตามวิธีการสื่อสาร ดังต่อไปนี้
การสนทนาออนไลน์ผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง
           เป็นลักษณะการสนทนาแบบกลุ่ม โดยผู้สนทนาจะพิมพ์ข้อความที่ต้องการสื่อสารผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ และเซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อความเหล่านั้นออกมาแสดงบนหน้าจอของทุกคนที่กำลังติดต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์อยู่ ซึ่งเราจะเรียกว่า ห้องสนทนา (Chat Room) โดยจะจัดแบ่งห้องสนทนาคามหัวข้อที่ต้องการสื่อสารกัน เพื่อให้คนที่ต้องการจะพูดคุยกับบุคคลภายในห้องสนทนานั้นสามารถเปิดเข้าไปพูดคุยในห้องสนทนา หรือในหัวข้อเรื่องที่เราสนใจได้ เช่น ห้องการ์ตูน ห้องการศึกษา ห้องการเมือง ห้องภาพยนตร์ ห้องเพลง เป็นต้น
        วิธีการสนทนาออนไลน์ผ่านทางเซิร์ฟเวอร์กลาง จะมีเทคนิคเพื่อให้เลือกใช้บริการ ดังนี้
1.  การสนทนาออนไลน์ผ่านโปรแกรม คือ ลักษณะการสนทนาด้วยข้อความในห้องสนทนาโดยใช้โปรแกรมบนแต่ละเครื่องของผู้ใช้ ซึ่งจะใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก และมีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากมาย เช่น PIRCH, mIRC และ Comic Chat ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์กลางซึ่งจะทำงานในระบบ IRC (Internet Relay Chat) ซึ่งเป็นมาตรฐานหนึ่งของระบบอินเตอร์เน็ต
2. การสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บ (Web Chat) คือ รูปแบบของการนำวิธีการทำงานบนเซิร์ฟเวอร์มาทำให้เกิดห้องสนทนา (Chat Room) บนเว็บเพจของผู้ที่เข้าไปใช้บริการ โดยไม่ต้องมีโปรแกรมรันอยู่บนเครื่องของผู้สนทนา

ขั้นตอนการสนทนาแบบ Chat Room
1. พิมพ์ URL ที่ช่อง Address : http://www.sanook.com
2. คลิกเลือกที่ คุยสด จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
Java Chat ซึ่งจะต้องติดตั้งโปรแกรม Java Applet ก่อนจึงจะสามารถสนทนารูปแบบนี้ได้
Classis Chat เป็นรูปแบบดั้งเดิมของการสนทนาออนไลน์โดยผ่านเซิร์ฟเวอร์ สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใด ๆ เพิ่มเติม
3.  เมื่อเลือก Classic Chat จะมีรายชื่อของห้องสนทนาต่าง ๆ ภายในเซิร์ฟเวอร์แสดงออกมาให้ผู้ใช้ได้เลือกตามความสนใจ เพื่อจะได้เข้าไปคุยกับเพื่อน ๆ ภายในห้องสนทนาที่มีความในใจในเรื่องเดียวกัน
4. เมื่อเลือกห้องที่ต้องการสนทนาได้แล้ว จะปรากฏเว็บเพจในการแนะนำวิธีการ Log on เพื่อขอใช้บริการ พร้อมทั้งให้พิมพ์ชื่อ และสีของข้อความที่ต้องการใช้ในระหว่างการสนทนา เมื่อกำหนดเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ เข้าห้อง
5. เมื่อเข้าในภายในห้องสนทนาแล้ว จะปรากฏชื่อของสามาชิกทั้งหมดภายในห้องสนทนา นี้และการสนทนาสามารถเลือกได้ว่าเราจะส่งข้อความถึงใคร หรือส่งถึงทุกคนภายในห้องก็ได้ แต่ข้อความที่แสดงบนหน้าจอ ทุกคนที่อยู่ภายในห้องสนทนานั้นจะเห็นด้วยกันทั้งหมด
6.  เมื่อเลือกผู้สนทนาที่เราต้องการส่งข้อความถึงแล้วนั้น เราก็ทำการพิมพ์ข้อความที่ต้องการจะส่งไป แล้วเลือกคลิกที่ Update ข้อความของเราจะไปปรากฏบนหน้าจอของทุกคนที่ใช้ห้องสนทนานี้
7.  เมื่อต้องการออกจากห้องสนทนาให้คลิกที่ Logoff
8. เพียงการทำงานตามขั้นตอนนี้ เราก็สามารถเข้าไปสนทนายังห้องสนทนาต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องทำการลงทะเบียนสมัครเป็นสามาชิกของเว็บไซต์ที่ให้บริการเหล่านั้น และเมื่อทำการ Logoff ออกจากห้องสนทนาห้องใดห้องหนึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปสนทนาห้องอื่น ๆ ต่อไปได้อีก

การสนทนาออนไลน์โดยตรงระหว่างผู้ใช้อินเตอร์เน็ต
       วิธีการสนทนาออนไลน์รูปแบบนี้จะไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การรับส่งสารแบบทันทีทันใด  หรือ Instant Messaging เช่น โปรแกรม ICQ, MSN Messenger, Yahoo Messenger, Windows Messenger เป็นต้น การสนทนาในรูปแบบนี้จะใช้โปรแกรมที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ มีลูกเล่นที่จะอำนวยความสะดวกในการสนทนา จะเป็นรูปแบบของการสนทนาแบบตัวต่อตัว มิใช่ลักษณะการสนทนาในแบบห้องสนทนา หรือการสนทนาแบบเป็นกลุ่มเหมือนกับรูปแบบของการสนทนาโดยผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง และจะไม่ทไให้การสนทนารูปแบบนี้ช้า ถึงแม้ว่าจะมีผู้ใช้พร้อมกันจำนวนมากก็ตาม

ขั้นตอนการสนทนาแบบ Instant Messaging
1. พิมพ์ URL ที่ช่อง Address : http://messenger/yahoo.com
2.  เมื่อปรากฏหน้าจอของ Yahoo Messenger เรียบร้อยแล้ว จะประกอบด้วย 2 กรณี คือ
กรณีที่  1 เป็นสมาชิก E-mail ที่ Yahoo.com โดยจะใช้ Yahoo ID และ Password เช่นเดียวกับการLogin เข้าไปยังการใช้งาน E-mail ของ Yahoo.com
กรณีที่  2 ยังไม่ได้เป็นสมาชิก E-mail ที่ Yahoo.com ให้คลิกเลือกที่ Sign Up จะให้ทำการลงทะเบียนสมาชิกโดยจะมีรูปแบบเช่นเดียวกับการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอใช้ น E-mail ของYahoo.com
3. คลิกที่ Features เพื่อดูรายละเอียดของโปรแกรมและจะสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม messenger ของyahoo.com ซึ่งจะมีรายละเอียดเพื่อให้ได้ศึกษาก่อน
4. เมื่อคลิกเลือก Download แล้ว จะมีหน้าต่าง File Download ให้เลือกที่ Open โปรแกรมจะทำการดาวน์โหลดให้จนกว่าจะเสร็จเรียบร้อบ
5.  เมื่อดาวน์โหลดเรียบร้อบแล้ว จะปรากฏหน้าต่าง Yahoo Messenger Installation เพื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Yahoo Messenger ให้คลิกที่ Next เพื่อเริ่มต้นการติดตั้งโปรแกรม และทำตามขั้นตอนของการติดตั้งโปรแกรมไปจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอน
6. เมื่อติดตั้งโปรแกรมที่ใช้ในการสนทนาเรียบร้อบแล้วจะปรากฏหน้าต่าง Sign In เพื่อใช้งานลำดับต่อไป
7.  เมื่อ Sign In โดยกำหนด Yahoo ID และ Password ถูกต้องแล้วจะทำการติดต่อไปยัง Yahoo ซึ่งจะปรากฏ Yahoo ID ของผู้ใช้บริการด้วย เช่น Connecting to Yahoo as s_kulrapee
8.จะทำการเพิ่มชื่อใน Messenger List โดยคลิกที่ Add ปรากฏหน้าต่าง Add to Messenger List ให้กรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้
9. ให้ทำการเลือกห้องสนทนาที่ต้องการจะเข้าไปคุยกับบุคคลต่าง ๆ ที่อยู่ภายในห้องนั้นโดยจัดห้องตามกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องต่าง ๆ กันไป เมื่อเลือกกลุ่มที่จะสนทนาได้แล้วให้คลิกที่ Go to Roomเพื่อเข้าไปยังห้องสนทนาห้องที่ได้ทำการเลือกไว้
10.  ถ้าต้องการที่จะคุยกับคนใด ก็สามารถที่จะคลิกเลือกตามรายชื่อที่ปรากฏอยู่ภายในห้องนั้น
11. ที่แถบสถานะ (Status bar) จะปรากฏรายชื่อของผู้ที่กำลังสนทนาอยู่กับเรา
12.  จะมีสัญลักษณ์ของ Yahoo Messenger อยู่ที่หน้าจอ Desktop เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อการสนทนาในครั้งต่อ ๆ ไป

เว็บไซต์ที่ให้บริการสนทนาออนไลน์


แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 9

1. Internet Relay Chatเป็นการสื่อสารในลักษณะใด
       ก. ข้อความ
       ข. เสียง
       ค. ภาพ
       ง. ถูกทุกข้อ

2. ข้อใดคือการคุยสด
       ก. Chat Room
       ข. Java Chat
       ค. Comic Chat
       ง. Relay Chat

3. การสนทนาแบบ Chat Room จะติดต่อกับเครื่องเซิร์ฟเวอร์กลางด้วยระบบใด
       ก. IRD
       ข. PIC
       ค. IRC
       ง. VCI
      
4. การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ E-mail เป็นการสื่อสารแบบใด
       ก. สื่อสารได้เฉพาะเสียง
       ข. สื่อสารได้เฉพาะภาพ
       ค. สื่อสารได้เฉพาะข้อความ
       ง. สื่อสารได้ทั้ง ภาพ เสียง ข้อความ

5. ข้อใดไม่ใช่เซิร์ฟเวอร์ของการสนทนาออนไลน์ผ่านโปรแกรม
       ก. Classic
       ข. mIRC
       ค. Comic Chat
       ง. PIRCH

6. IRC ย่อมาจาก
       ก. Internet Relaying Chat
       ข. Internet Remove Chat
       ค. Internet Relay Chat
       ง. Internet Raming Chat

7. คุยสด แบ่งออกเป็นกี่รูปแบบ
       ก. รูปแบบ
       ข. รูปแบบ
       ค. 3 รูปแบบ
       ง. 4 รูปแบบ

8. การสนทนาออนไลน์รูปแบบใดไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์
       ก. โปรแกรม ICQ
       ข. MSN Messenger
       ค. Yahoo
       ง. Classic Chat

9. การสนทนาออนไลน์ สามารถเปรียบได้กับรูปแบบของการสื่อสารแบบใด
       ก. การส่งจดหมายทางไปรษณีย์
       ข. การส่งโทรเลข
       ค. การพูดคุยทางโทรศัพท์
       ง. การรับส่งข้อมูลทางเครื่องโทรสาร

10. รูปแบบการสนทนาแบบตัวต่อตัว คือข้อใด
       ก. Internet Messaging
       ข. IRC Chat
       ค. Instant Messaging
       ง. Web Chat